หนี้สินเป็นการผิดสัญญาชำระหนี้ระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ในการเช่าซื้อ เช่าทรัพย์ หนี้เงินกู้ จำนอง จำนำ เช่า เช่าซื้อ และอื่นๆ ในฐานะเจ้าหนี้เขาก็จะต้องทำการทวงนี้ ทีนี้การทวงหนี้ก็มีทั้งที่ถูกกฎหมายและทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย การทวงหนี้ที่ถูกกฏหมายจะมีวิธีการที่ละมุนละม่อมและเป็นไปตามสเต็ป เช่น การสอบถามลูกหนี้เรื่องการค้างชำระแบบเห็นหน้าค่าตา, จัดทำเป็นหนังสือทวงถามเพื่อขอให้ลูกหนี้ชำระหนี้, หากไม่เรียบร้อยจะมีการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยค้างชำระและดอกเบี้ยผิดนัดและเมื่อศาลพิพากษาแล้วก็บังคับคดี หมายถึงทำการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้มาขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษา ‥ ซึ่งจะเห็นว่าไม่มีการขู่อาฆาตมาดร้ายหมายเอาชีวิตเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่การทวงหนี้ผิดกฎหมายจะออกลักษณะ ข่มขู่ ขืนใจ อาฆาต ใช้กำลังทำร้าย, เอาทรัพย์สินไปดื้อๆ , นำเจ้าหน้าที่หรือตำรวจมายึดทรัพย์โดยไม่ถูกต้องตามกฏหมาย ทั้งหมดจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของลูกหนี้เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดหรือได้รับความอับอายในที่สาธารณชน
แม้ปัญหาหนี้สิน ไม่ว่าจากเงินกู้ สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต หรืออี่นใด ล้วนประสบพบเจอได้หากการบริหารจัดการเงินในกระเป๋าไม่ดีอย่างเพียงพอ และแม้ว่า จัดการดีแล้วก็อาจเกิดช่องโหว่เป็นปัญหาได้บ้างเช่นกัน ดังนั้น ใครหลายคนจึงมักหาทางออกด้วยการทำบัตรเครดิตแล้วกดเงินสดมาชำระหนี้ แต่ทว่าก็มีอีกวิธีที่ลองเอาไปปรับใช้ นั่นคือ ใช้สินเชื่อส่วนบุคคลเคลียร์ปัญหาหนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและการพิจารณาอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนแล้วเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้น จะเป็นปัญหาหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลทับซ้อนเข้ามาอีกชั้นจากการเป็นหนี้อยู่เดิม
สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นการให้วงเงินสดไว้ใช้ และมีการชำระคืนเป็นงวดๆ งวดละเท่าๆ กัน เช่น สามหรือหกเดือนหนึ่งปี หรือ 18 เดือน หรือแม้แต่ 60 เดือน แล้วแต่เงื่อนไข สินเชื่อส่วนบุคคลในปัจจุบันอนุมัติง่ายกว่าอดีต เพราะไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน สินเชื่อส่วนบุคคลอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าบัตรกดเงินสด
หนี้จากบัตรเครดิตแม้จะมีการคำนวณที่ 20% ก็จริง แต่พอคำนวณแล้วดอกเบี้ยที่ต้องเสียให้บัตรเครดิตกลับมากกว่าจ่ายมันมากกว่าของสินเชื่อส่วนบุคคลเสียอีก โดยสินเชื่อส่วนบุคคลมีอัตราดอกเบี้ย 28% แบบลดต้นลดดอก ‥ นี่ไงฮิ้นท์ข้อแรก ‥ หากคุณรูดบัตรเครดิต ที่จำนวนเงิน 10,000 บาท เมื่อได้รับใบแจ้งหนี้ คุณเลือกจ่ายขั้นต่ำ 1,000 เจ้าหนี้จะทำการคำนวณดอกเบี้ยจากจำนวนที่รูด โดยเริ่มนั้บตั้งแต่วันที่รูดจนกระทั่งวันครบกำหนดชำระ ข้อสังเกตคือหากเจ้าหนี้ไหนที่มีระยะไร้ดอกเบี้ยนานๆ จะยิ่งมีจำนวนวันสำหรับคำนวณดอกเบี้ยมากขึ้น ส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคล จะทำการครั้งละ 30 วันตามจำนวนเงินต้นคงค้าง ตัวอย่าง เมื่อเกิดความจำเป็นต้องกู้ กรณีที่มีเงินสำรองมีไม่พอ หากเลือกบัตรกดเงินสดจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงที่ 28% ต่อปี หากกดเงินสดจำนวน 50,000 บาท จะมีดอกเบี้ยเดือนละราวๆ 1,150 บาท หากสามารถผ่อนได้เดือนละ 10,000 บาท จะใช้เวลาราวๆ 6 เดือนจึงหมดหนี้ และจะเสียดอกเบี้ยราวๆ 3,810 บาท ในส่วนบัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 20% แม้จะถูกกว่าบัตรกดเงินสด แต่ว่าการกดเงินก็จะมีค่าธรรมเนียมที่ 3% ของยอดเงินที่กด เช่น กดเงินออกมาจากบัตรเครดิต 50,000 บาท จะเสียค่าธรรมเนียมกดเงิน 1,500 บาท และยังมีดอกเบี้ยเดือนละ 822 บาท โดยหากผ่อนได้เดือนละ 10,000 บาท ก็จะสามารถเคลียร์หนี้ได้ใน 6 เดือน ทั้งนี้ ดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียม ราวๆ 4,313 บาท
กรณีบัตรเครดิตจะกำหนดให้ชำระขั้นต่ำที่ 10% ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลกำหนดให้จำนวนงวดนานขึ้นและจำนวนเงินต่องวดน้อยลง เสี่ยงต่อแบล็คลิสต์น้อยกว่า เช่น หากไม่สามามารถชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำที่ 10% ได้ ติดต่อกันตั้งแต่สองงวด แนวโน้มแบล็คลิสต์จะเริ่มถามหาแล้ว (ข้อมูลการติดแบล็คลิสต์เช็คได้จากเครดิตบูโร) ทางกลับกันหากเลือกสินเชื่อส่วนบุคคลจะมีค่าใช้จ่ายต่องวดต่ำกว่า โอกาสหรือแนวโน้มที่จะมีแบล็คลิสต์ก็จะน้อยกว่า หรือในกรณีที่ค้างชำระหนี้บัตรเครดิตเกินสองงวด แล้วทำการจ่ายให้เต็มที่ให้มากที่สุดแล้วก็ตาม แต่หากสองงวดนั้นยังไม่ครบตามยอดชำระขั้นต่ำแล้ว บัตรเครดิตจะโดนยกเลิกหรือห้ามใช้ แต่ก็ยังคงมีการคิดคำนวณดอกเบี้ยและค่าติดตาม ค่าอื่นๆ จิปาถะอยู่เช่นเดิม และเมื่อถูกห้ามใช้เราจะทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่การแจ้งยกเลิกบัตร ทำให้ต้องจำตั้งหน้าตั้งตาชำระหนี้ให้ครบ
ทั้งนี้ การเคลียร์หนี้ด้วยสินเชื่อส่วนบุคคลก็ควรดูจากรายละเอียดอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เลือกธนาคารหรือผู้ให้บริการที่คำนวณดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และควรเป็นการใช้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลกับธนาคารหรือผู้ให้บริการที่เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ และควรหลีกเลี่ยงการใช้หนี้อันเป็นเงินที่มาจากบัตรกดเงินสด เพราะจะยิ่งมีค่าธรรมเนียมการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม
อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าตาจนร้อนเงินก็ยังควรมีสติ เพราะไม่ว่าจะเป็นแหล่งเงินจากที่ไหน มักมีโฆษณาแข่งขันเพื่อให้ลูกค้าสนใจเช่นเดียวกัน แต่อึกทึกงครึกโครมด้วยใช้สูตรดอกเบี้ยล่อใจ เช่น ของแถม หรืออัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่า แต่จะถูกที่สุด หรือถูกกว่าจริงหรือไม่นั้น ต้องอาศัยการคำนวณอย่างรอบคอบและเปรียบเทียบจากเงินก้อนที่ต้องจ่ายทั้งหมด ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วย อย่าเพิ่งหลงเชื่อไปกับคำโปรยนั้น
และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและแก้อย่างยั่งยืน การวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าย่อมดีกว่าวัวหายแล้วล้อมคอก เช่น เงินเดือนหรือรายได้ที่ได้ ควรกันไว้เป็นเงินสำรอง หรือรองรังไว้บ้าง มากน้อยแล้วแต่กำลังของแต่ละคน