ไม่มีใครล่วงรู้อนาคต โดยเฉพาะอนาคตทางการเงิน หากวันหนึ่งคุณมีเหตุให้ต้องใช้เงินมากกว่าปกติ เช่น จะซื้อของชิ้นใหม่ที่มีมูลค่าเกินเงินในกระเป๋า หรือเกิดการเสียหายที่ไม่คาดคิด เช่น ข้าวของเครื่องใช้พัง ไม่มีหรือไม่ซื้อก็ไม่ได้ แต่สภาพการเงินก็ยังไม่เอื้ออำนวยให้จับจ่ายของใหม่ได้ หรือยังมีภาระอื่นรออยู่ หรือเป็นการเจ็บไข้ได้ป่วยอันเป็นเรื่องฉุกเฉิน หากไม่มีเงินรองรังก็อยู่ยากด้วยประการทั้งปวง แล้วจะทำเช่นไร ‥ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล กู้หนี้ยืมสิน ในระบบ นอกระบบ หยิบยืมญาติหรือเพื่อนฝูงหรอ
ญาติหรือเพื่อน คงไม่กล้าแบกหน้าบางๆ ไปบอกว่า เฮ้ย‥ ขอยืมตังค์สักสี่ซ้าห้าหมื่นหรอก กู้จากนอกระบบก็คงไม่กล้า กลัวโดนทวงหนี้แบบถึงชีวิต กลัวตายก่อนจะได้ใช้หนี้ ทีนี้ก็เหลือแต่บัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล จะเลือกแบบไหนดี
ถ้าบัตรเครดิตมีโปรโมชั่นผ่อน 0% ก็จะดี แต่ถ้าไม่มีล่ะ‥ ในตลาดบัตรเคดิตบ้านเราต่างออกโปรโมชั่นผ่อน 0% ให้กับลูกค้าในการซื้อสินค้า ส่วนระยะเวลาก็มีตั้งแต่ 3 เดือน 4 เดือน 6 เดือน ไปจนถึง 24 เดือน ก็ล่อตาล่อใจใช่เล่น เพราะจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลยตลอดระยะเวลาโปร แต่ก็อย่าเพิ่งกระโจนเข้าใส่ เพียงเพราะแค่ดอกศูนย์เปอร์เซ็นต์ หรือมีคำถามไว้ก่อนเลยว่า แล้วถ้าหากคุณไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ทุกเดือนตามกำหนดระยะเวลาและอัตราที่เรียกเก็บ รับได้ไหมกับการคำนวณดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าปกติ ถ้าไม่มั่นใจก็คิดใหม่ นอกจากนี้ รับได้ไหมกับการมีค่าใช้บัตรเครดิตต่อวงเงินที่ได้รับ กรณีมีหนี้บัตรเครดิตอยู่แล้ว ยังจะต้องเพิ่มรายจ่ายเข้าไปดับเบิ้ล หรือทริปเปิ้ลอีก แบลคลิสต์ถามหารางๆ แล้ว
แล้วสินเชื่อส่วนบุคคลล่ะ สินเชื่อส่วนบุคคลเป็นสินเชื่อหรือเงินกู้เงินสด ที่ผู้ขอกู้จะได้รับเงินเป็นจำนวนหนึ่งเพื่อเอาไปใช้ตามกรณี หรือให้ชัดเจนกระชับ หมายถึง สิทธิประโยชน์และอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยในสินค้าและบริการ ที่ผู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลสัญญาว่าจะชดใช้คืนในอนาคต ตัวสินเชื่ออาจอยู่ในรูปของสินค้าและบริการหรืออยู่ในรูปของเงินก็ได้ ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลเป็นได้ทั้งธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน และผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้ให้บริการสินเชื่อสามารถอนุมัติวงเงินให้แก่ผู้ขอสินเชื่อแต่ละรายได้สูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ หรือไม่เกินยอดเฉลี่ยกระแสเงินสดที่หมุนเวียนในบัญชีเงินฝากไม่น้อยกว่า 6 เดือน
ข้อดีของสินเชื่อส่วนบุคคลคือการมีระยะเวลาผ่อนชำระหนี้นานกว่าบัตรเครดิต โดยทั่วไปจะเริ่มตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึง 5 ปีเลย ใครที่เลือกขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพราะต้องการเลือกจ่ายขั้นต่ำคุณมาถูกทางแล้ว เพราะในกรณีของบัตรเคดิตแม้จะทำได้แต่ถึงปลายทางแล้วจะมีค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า การจ่ายขั้นต่ำของสินเชื่อส่วนบุคคลอาจเคลียร์หนี้ได้ภายใน สามปีห้าปี แต่หากเลือกจ่ายขั้นต่ำในบัตรเครดิตนั้น กว่าเคลียร์หนี้สินจนกว่าจะหมด อาจยาวนานถึงห้าปีขึ้น ทั้งนี้ แล้วแต่ยอดและดอกเบี้ยที่ทบต้นไปเรื่อยๆ
สินเชื่อส่วนบุคคลเหมาะกับใคร ‥ สินเชื่อส่วนบุคคลเหมาะกับพนักงานประจำ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานของรัฐ หรือบุคคลทั่วไปที่มีรายได้มั่นคงแต่ต้องการเงินสดเพื่อเหตุจำเป็นอันสมควร แต่ก็มีหลายคนที่ออกนอกลู่แบบพอรับได้ เช่น นำไป ซื้อสินค้า ท่องเทียว ชำระค่าเล่าเรียนหรือการศึกษาหาความรู้ เพื่อลงทุนทางธุรกิจ
ไม่ต้องอายหากต้องขอสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะแม้แต่ภาครัฐเอง ยังมีความต้องการสินเชื่อได้ เห็นได้จากยามที่รัฐขาดดุล ภาครัฐบาลอาจทำการกู้เงินจากภาคเอกชนได้ แต่ในภาคบุคคลหรือครัวเรือนต่างต้องการสินเชื่อเพื่อการบริโภคทั้งสิ้น ดังนั้น ถามตัวเองให้ดีว่ามีสินเชื่อบุคคลไว้ทำไม‥ แม้ว่าการไม่มีหนี้ การไม่ก่อหนี้คือสิ่งที่เราปรารถนา แต่อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่าเราไม่สามารถทราบได้ว่า อนาคตจะมีเหตุจำเป็นให้ต้องใช้เงินอะไรบ้าง ขอย้ำคำว่า เหตุจำเป็น หมายถึง ความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเพื่อรักษาหรือบรรเทาเหตุนั้น โดยปราศจากความอยาก ความทัดเทียม ความมีหน้ามีตา เช่น คุณขอสินเชื่อส่วนบุคคลมาด้วยวงเงินจำนวนหนึ่ง คุณจะเลือกใช้ไปกับอะไร ระหว่าง ค่าซ่อมรถอันเนื่องมาจากรถเกิดอุบัติเหตุ กับ ซื้อ gadget ใหม่ให้เท่าเทียมคนอื่น ดังนั้น การตอบคำถามให้ได้ว่า เงินที่ได้มาจะใช้เพื่อการจำเป็นจริงๆ ใด ๆ คือประเด็นแรกที่ควรเคลียร์คัทให้ชัดเจน
แล้วหากต้องการสินเชื่อส่วนบุคคลจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง‥ อันดับแรกคือเรื่องเอกสาร การขอสินเชื่อส่วนบุคคลจะพิจารณาจากเอกสารเป็นหลัก คุณจึงต้องมีสลิปเงินเดือน สมุดบัญชีที่มีรายการฝากเงินอย่างน้อย 3 เดือน เป็นต้น อีกอย่างที่ธนาคารจะพิจารณาร่วมคือความสามารถในการชำระหนี้ ประวัติการชำระหนี้ที่ดี
ความต้องการใช้เงินมีขึ้นได้แม้แต่คนที่มีฐานะ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้น คือการใช้จ่ายอย่างมีสติ การไม่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยมและเป็นทาสของเงิน ด้วยการระลึกอยู่เสมอว่า เงินทองไม่ยั่งยืนเท่ากับการมีวินัยในการใช้จ่าย